จากคำถามที่ลูกบ้านของโนบูโรที่ถามกันบ่อยครั้งว่า หากไฟแนนซ์จะเข้ามายึดรถ แต่..ตัวรถหายไปแล้ว ติดตามกลับมาไม่ได้ หรือ ผู้ใช้รถคนใกล้ตัวเอาไปและหายไปกับรถ ต้องทำอย่างไร ? วันนี้โนบูโรมีคำตอบค่ะ
ไฟแนนซ์ยึดรถได้ตอนไหน?
สำหรับในกรณีที่ผู้เช่าค้างชำระค่างวดรถเป็นระยะติต่อกันเวลานาน 3 เดือน ไฟแนนซ์จะมีสิทธิ์ยึดรถได้ตามคำสั่งศาล แต่..ไฟแนนซ์จะไม่สามารถยึดได้ ก่อนครบระยะ 3 เดือน ซึ่งจะมีความผิด พ.ร.บ. คุ้มครองผู้บริโภคนั่นเอง
หากไฟแนนซ์มายึดรถ แต่..ไม่มีรถคืน ทำอย่างไรดี?
หากเมื่อไฟแนนซ์ได้แจ้งว่ามายึดรถที่บ้านของเรา เพราะไม่จ่ายค่างวดเกิน 3 เดือน แต่..ไม่มีรถคืนไฟแนนซ์ "โนบูโร" พบว่าส่วนใหญ่เกิดจากปัญหา เช่น ออกรถรถให้ญาติพี่น้อง แฟน สามีภรรยา แล้วโดนชิ่งหนี แต่ชื่อเช่าซื้อยังเป็นของเราอยู่ หรือ ไว้ใจคนใกล้ชิดให้ผ่อนต่อ โดยไม่คิดจะเปลี่ยนสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ หรือบางกรณีซื้อรถแล้วผ่อนไม่ไหว เป็นต้น สิ่งที่ควรทำมีดังต่อไปนี้
ติดต่อไฟแนนซ์โดยเร็ว
รวบรวมหลักฐานการผ่อนชำระ สัญญาเช่าซื้อต่างๆ
อย่าหนี อย่าเบี้ยวนัด หากไกล่เกลี่ยกับไฟแนนซ์ไม่ได้ ให้ไปต่อรองในชั้นศาล
หากมีหมายศาล อย่าหนี!
หากศาลตัดสินให้คืนรถ แต่..เราไม่มีรถคืน ไฟแนนซ์สามารถฟ้องศาลแพ่งและเรียกค่าเสียหายตามสัญญาเช่าซื้อที่ระบุไว้ และสามารถเอาผิดเป็นคดีอาญา ผิดฐานยักยอกทรัพย์ ซึ่งจะมีหมายศาลถึงผู้เช่าซื้อ ให้เข้าไปไกล่เกลี่ย กับ ไฟแนนซ์ที่ศาล
ที่สำคัญเลยคือ "อย่าหนีและอย่าเบี้ยวนัดเด็ดขาด" ควรไปตามหมายศาลที่นัดไว้ ถึงแม้ว่าจะไม่มีรถคืนก็ตาม หากไม่ไปรายงานตัวตามที่ศาลนัด โดยมีเจตนาหลบหนีหมายศาล จะนำไปสู่การเป็นผู้ต้องหาคดียักยอกทรัพย์ มีโทษทั้งจำทั้งปรับได้ แนะนำให้ไกล่เกลี่ยกัน ซึ่งอาจจะจบกันด้วยดีในชั้นศาล เช่น สามารถผ่อนชำระได้ หรือ ขอให้ศาลลดหนี้ให้ก็สามารถทำได้ และเป็นประโยชน์ต่อตนเอง
ถึงแม้ว่าชื่อเราเป็นผู้เช่าซื้อ แต่..ตัวรถไม่ได้อยู่กับเราก็ตาม ไฟแนนซ์ไม่ได้มองในประเด็นอื่นๆ นอกจากชื่อผู้เช่าซื้อเป็นชื่อของเราเอง เราต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ดังนั้น หากจะคิดออกรถให้ใคร คิดให้รอบคอบว่าหากมีปัญหาขึ้นมา เราจะรับผิดชอบส่วนนั้นแทนไหวหรือไม่ ?
Comments